วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2559

ใบงานที่ 5 มาทำความรู้จักกับวัยรุ่นและเทคโนโลยี

การใช้เทคโนโลยีกับการดำเนินชีวิตของวัยรุ่น




การใช้เทคโนโลยีส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของวัยรุ่นอย่างไร


ณ โลกปัจจุบันที่มีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ไม่มีที่สิ้นสุดได้ก่อเกิดนวัตกรรมที่สร้างความสะดวกสบายให้แก่มนุษย์ในหลายๆด้านไปมาหาสู้กันด้วยยานพาหนะ จัดส่งเอกสารผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตติดต่อค้าขายด้วยเครื่องคมนาคมและเส้นทางคมนาคมที่ทันสมัยติดต่อสื่อสารกันด้วยเครื่องมือสื่อสาร เรียกว่าเทคโนโลยีเหล่านี้กลายเป็นปัจจัยหนึ่งในการอยู่รอดของมนุษย์มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตในทุกๆด้าน โครงงานนี้จัดทำเพื่อการศึกษาเรื่องอิทธิพลของเทคโนโลยีปัจจุบัน โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มวัยรุ่นในปัจจุบันซึ่งเทคโนโลยีที่น่าจะมีอิทธิพลต่อวัยรุ่นมากในยุคปัจจุบัน คือ เครื่องมือสื่อสารอย่างโทรศัพท์มือถือค่ายโทรศัพท์มือถือแต่ละค่ายต่างแข่งขันกันนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใส่ในโทรศัพท์มือถือของตน เพื่อกระตุ้นความอยากซื้อให้ผู้เสพเทคโนโลยีสนใจนอกจากโทรศัพท์มือถือจะเป็นเครื่องสื่อสารแล้วยังสร้างความบันเทิงในหลายๆด้านไม่ว่าจะ ดูหนัง ฟังเพลง เชื่อมอินเทอร์เน็ต เล่นเกมส์ ถ่ายรูป ดูนาฬิกาและอีกมากมาย ผู้เสพเทคโนโลยีกลุ่มใหญ่ก็คือวัยรุ่น ยิ่งมีฟังก์ชันเยอะรูปลักษณ์สวยดูล้ำสมัย พร้อมด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆราคาแพงๆโทรศัพท์กลายเป็นเครื่องแสดงฐานะด้วยราคาค่าเทคโนโลยีที่สูงขึ้นโทรศัพท์กลายเป็นเครื่องสร้างความเสื่อมในสังคมเพราะการใช้เทคโนโลยีที่ไม่ถูกต้องไม่สมควร แล้วคุณคิดว่าคนส่วนใหญ่ เห็นว่าโทรศัพท์คืออะไร

พฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ที่มีต่อวัยรุ่นพฤติกรรมด้านบวก มือถือกลายเป็นอีกปัจจัยหนึ่งของวัยรุ่นเพราะมือถือก็มีข้อดีอยู่ไม่น้อย เป็นทั้งเครื่องมือสื่อสารที่ย่นทั้งระยะทางและระยะเวลาระหว่างกันเทคโนโลยีการสื่อสารผ่านมือถือนั้นสร้างความสะดวกสบายให้กับวัยรุ่นได้อย่างมากบางครั้งที่มีอุบัติเหตุหรือต้องการความช่วยเหลือด่วนมือถือก็จะมีประโยชน์มากในช่วงเวลานั้นหรือบางทีมือถือยังทำหน้าที่สร้าง และกระชับความสัมพันธ์ของคนในสังคมไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้อง หรือกลุ่มเพื่อนถึงแม้จะอยู่ห่างไกลกันมากแต่ก็เชื่อมความสัมพันธ์กันได้ด้วยมือถือยิ่งปัจจุบันนี้มือถือมีเทคโนโลยีก้าวหน้ากว่าเดิมมากซึ่งนอกจากจะดูหนังฟังเพลงแล้วยังสามารถใช้อินเทอร์เน็ต และยังสามารถเล่นได้เกือบทุกที่ทุกเวลายิ่งทำให้การติดต่อสื่อสารง่ายขึ้นไปอีกอย่างไรก็ตามการใช้โทรศัพท์มือถือให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั้นต้องคำนึงถึงความจำเป็นใช้แต่พอเพียงเท่านั้นเพื่อไม่ให้ตกเป็นทาสของมือถือพฤติกรรมด้านลบจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ(สวช.)กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.)พบว่า ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือกำลังจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของคนยุคโลกาภิวัตน์ที่จะขาดไม่ได้จนกลายเป็นอวัยวะส่วนที่ 33 โดยเฉพาะในเด็กวัยรุ่นซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงให้ ข้อเสียหากผู้ใช้ นำไปใช้ในทางที่ผิดหรือใช้ไม่เป็นทำให้เกิดโรคใหม่ๆตามมาหลาย โรคที่เกิดจากการใช้โทรศัพท์มือถือที่มีผลกระทบในเชิงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตคนไทย ได้แก่1.โรคเห่อตามแฟชั่นโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นนิยมเปลี่ยนมือถือตามแฟชั่นเพื่อให้อินเทรนด์ ดูทันสมัยไม่ตกรุ่นทัดเทียมเพื่อนดังนั้นมือถือจึงกลายเป็นเครื่องประดับที่บ่งบอกสถานภาพทางสังคมอีกทางหนึ่ง2.โรคทรัพย์จาง ซึ่งหลายคนต้องหาเงินเพื่อมาซื้อมือถือรุ่นใหม่ทั้งนี้บางคนไม่มีเงินแต่รสนิยมสูงจึงเกิดสภาวะทรัพย์จางต้องไปกู้ยืมหนี้ยืมสินมาซื้อมือถือ เป็นต้น
3.โรคขาดความอดทนและใจร้อนเนื่องจากคุณสมบัติของโทรศัพท์มือถือกดปุ๊บต้อง ติดปั๊บ ทำให้หลายคนกลายเป็นคนไม่มีความอดทนแม้แต่เรื่องเล็กๆ เช่น นัดเพื่อนไว้ช้าแค่ 5 นาที ต้องโทรตาม จึงกลายเป็นคนเร่งรีบ ร้อนรน และไม่รอบคอบ
4.โรคขาดกาลเทศะและไร้มารยาทซึ่งการโทรศัพท์ไปหาบุคคลที่เราอยากจะพูด ทุกเวลาโดยไม่ดูเวลาหรือกาลเทศะที่ควรโทร บางคนโทรขายประกัน ขายเครื่องกรองน้ำชวนสมัครบัตรเครดิตทั้งๆที่ไม่รู้จักกันทำให้ผู้รับสายเกิดความรำคาญใจ
5.โรคขาดมนุษยสัมพันธ์ คนส่วนใหญ่จะใช้มือถือพูดคุยกับญาติสนิท ขาดความใส่ใจที่จะสร้างสัมพันธ์กับผู้อื่นหลบมุมโทรไปคุยกับเพื่อนแทนที่จะพูดคุยกับพ่อแม่ผู้ปกครองหรือทำกิจกรรมที่ทำให้ความสัมพันธ์ในบ้านห่างเหินซึ่งจะเกิดอาการเฉาหรือเหงาหงอยกลายเป็นคนแยกตัวออกจากสังคมมีโลกของตัวเองและเป็นโรคติดโทรศัพท์ในที่สุด
6.โรคไม่จริงใจ เนื่องจากการพูดคุยทางโทรศัพท์ไม่ต้องเห็นหน้าตาท่าทาง สายตาและ ปฏิสัมพันธ์ที่มีต่อกัน ทำให้หลายคนสามารถใช้คำหวานหลอกลวงหรือพูดโกหกผู้อื่น หรือนิยมส่ง sms ไปยังอีกฝ่าย ทำเสมือนรักใคร่ ผูกพันหรือห่วงใย
วัตถุประสงค์ของการใช้โทรศัพท์ วัตถุประสงค์ของการใช้โทรศัพท์มือถือกับวัยรุ่นในปัจจุบันไม่ใช่เพียงเครื่องมือสื่อสารเพียงอย่างเดียวเท่านั้นจะเห็นได้ว่าบริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือต่างๆในตอนนี้ต่างก็แข่งขันกันทำลูกเล่นใหม่ๆขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเพราะในยุคที่มีการแข่งขันสูงการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้กับโทรศัพท์มือถือนั้นยิ่งทำให้มีความน่าสนใจมากขึ้นนอกจากจะโทรออกหรือรับสายได้แล้วยังสามารถทำอย่างอื่นได้ เช่นถ่ายภาพ ถ่ายวีดีโอฟังเพลง เล่นเกม รวมถึงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและรับส่งอีเมล์ซึ่งเป็นการก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการสื่อสารที่ไร้พรมแดนจากผลสำรวจของกรุงเทพโพลล์โดยเก็บข้อมูลจากวัยรุ่นในเขตกรุงเทพมหานครที่ใช้โทรศัพท์มือถือ จำนวนทั้งสิ้น 1,700 คน เป็นเพศชายร้อยละ 48.8 และเพศหญิงร้อยละ 51.2สรุปผลว่า มีดังนี้
-พูดคุยและส่ง SMSร้อยละ 57.7-ฟังเพลง ฟังวิทยุร้อยละ 20.3-ถ่ายรูปถ่ายคลิปวีดีโอ ร้อยละ 11.6-เล่นเกม ร้อยละ 5.6-เล่นอินเทอร์เน็ตร้อยละ 4.8

ผลกระทบจากการใช้โทรศัพท์


ข้อดีจากการใช้โทรศัพท์มือถือ
1. ช่วยให้การติดต่อสื่อสารมีความสะดวกรวดเร็ว
2. สะดวกต่อการทำงานทางธุรกิจต่างๆ
3. ทำให้เกิดความเพลิดเพลินจากการใช้โทรศัพท์ฟังเพลงหรือเล่นเกม
4. ทำให้ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการที่จะต้องเดินทางไปติดต่อธุระด้วยตนเอง
ข้อเสียจากการใช้โทรศัพท์มือถือ

1. การใช้โทรศัพท์มือถืออาจทำให้มีอาการปวดหัวได้เพราะหลักการรับ-ส่งสัญญาณของโทรศัพท์มือถือ คือ การแปลงเสียงพูดให้เป็นกระแสไฟฟ้าก่อนส่งออกไปในอากาศ โดยอาศัยคลื่นพา เช่น คลื่นไมโครเวฟ แล้วไปตามสถานีเครือข่ายที่มีทั่วประเทศไทย ซึ่งปกติเรานำคลื่นไมโครเวฟมาใช้ในการอุ่นอาหารเนื่องจากคลื่นถูกดูดซึมจากส่วนประกอบที่มีน้ำได้ดีและถ้ามีความเข้มสูงพอจะเกิดเป็นความร้อน ทำให้อาหารนั้นร้อนขึ้นหรือสุกได้ถึงแม้คลื่นไมโครเวฟที่กระจายอยู่ในอากาศยังไม่มีความเข้มถึงขีดอันตรายที่จะเกิดความร้อนได้แต่เสาอากาศของโทรศัพท์มือถือได้ดึงดูดคลื่นไมโครเวฟเข้าสู่เครื่องโทรศัพท์ทำให้บริเวณที่อยู่ใกล้เสาอากาศ คือศีรษะจะได้รับคลื่นไมโครเวฟในปริมาณมากจนอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการปวดศีรษะได้

2. การโทรไม่ติดหรือหลุดบ่อยทำให้อารมณ์เสีย หงุดหงิด สุขภาพจิตเสื่อมลง กล้ามเนื้อคอหัวไหล่มักจะเกร็งเนื่องจากต้องถือโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลาและบางครั้งยังต้องพยายามเอียงคอและใช้มือดันโทรศัพท์ให้แนบติดกับใบหูอยู่ตลอดเวลา การเกร็งตัวของกล้ามเนื้อคอเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปวดศีรษะ เพราะเมื่อกล้ามเนื้อหดตัวตลอดเวลา
หลอดเลือดจะส่งเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ การแก้ไขอาจต้องใช้โทรศัพท์ที่มีขนาดเบาอย่าคุยโทรศัพท์นานเกินควร และถ้าอยู่ในรถอาจผ่านขยายเครื่องขยายเสียงและใช้ไมโครโฟนในการสนทนา ซึ่งในกรณีนี้นอกจากจะไม่เป็นผลเสีย ต่อสุขภาพแล้วยังลดอุบัติเหตุบนท้องถนนลงได้

3. ถ่านไฟที่ใช้กับโทรศัพท์มือถือประกอบด้วยสารอันตรายหลายชนิดไส้แบตเตอรี่ในโทรศัพท์มือถือที่ท่านต้องเปลี่ยนตามเวลาทุก 12-18เดือนนั้นไส้แบตเตอรี่ที่ใช้ในถ่านโทรศัพท์มือถือมี 2 ชนิด คือ ชนิดNICAD(Nickel Cadmium Cells) และ Hydride (Nickel Metal Hydride Cells) สารประกอบที่ใช้ในถ่านชนิดแรกคือ NICADจัดเป็นขยะอันตรายที่จะก่อโทษกับสุขภาพของคนและเกิดมลภาวะในสิ่งแวดล้อมได้ เนื่องจากขั้วลบของถ่านชนิดนี้เป็น
แคดเมียมไฮดรอกไซด์ เมื่อบรรจุไฟแล้วจะกลายสภาพเป็นแคดเมียมซึ่งเป็นสารก่อพิษในสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในโลก แคดเมียมเป็นโลหะหนักมีอยู่ในธรรมชาติจำนวนน้อย หากได้รับเข้าไปทีละน้อยจากการหายใจ กินหรือดื่มก็จะเกิดพิษเรื้อรังทีละน้อย ด้วยอาการสำคัญคือ ไตอักเสบ ไตวาย ข้อเสื่อมถุงลมปอดโป่งพอง ระบบหายใจผิดปกติ และทำให้เกิดมะเร็งในอวัยวะหลายชนิดที่น่ากลัวคือ แคดเมียมที่ ถูกทิ้งจากการอุตสาหกรรมหรือแบตเตอรี่จะปนเปื้อนเข้าในดิน น้ำ ซึ่งสัตว์และพืชจะรับเข้าไปในตัวเมื่อคนกินสัตว์หรือพืชเข้าไปก็จะได้รับแคดเมียมสะสมเข้าไปในปริมาณที่เกิดพิษได้ง่ายขณะนี้ตัวเลขที่ได้จากการจดทะเบียนมือถือทั่วประเทศมีจำนวนมากและมีจำนวนไม่น้อยที่ใช้แบตเตอรี่แบบ NICADซึ่งแต่ละก้อนจะมีอายุการใช้งานประมาณ1 ปี ดังนั้นจะมีแบตเตอรี่NICAD เป็นพิษทิ้งจำนวนหลายล้านก้อนต่อปีขณะนี้มีประชาชนที่รู้ถึงพิษของขยะอันตราย และพยายามแยกขยะแต่ก็ไม่สามารถที่จะหาที่ทิ้งที่ถูกต้อง หรือหาหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงได้

4. การขับรถการใช้โทรศัพท์มือถือทำให้มีอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น

5. กล้องโทรศัพท์มือถือในหลายๆครั้งพบว่ากล้องของโทรศัพท์มือถือถูกนำมาใช้ในทางเสีย เช่นคลิปวิดีโอแอบถ่าย รูปภาพแอบถ่าย เป็นต้น

6. ทำให้เกิดอาชญากรรมอันถึงแก่ชีวิตได้หากโทรศัพท์สะดุดเข้าตาโจร
7. ทำให้เป็นภาระทางการเงินต้องหาเงินมาจ่ายค่าโทรอยุ่ตลอด

8. การรบกวนของคลื่นวิทยุจะรบกวนการทำงานของอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องกระตุ้นการเต้นของหัวใจ Pacemaker, defibrillatorและอาจจะมีผลต่อการควบคุมการบิน

9. สำหรับผู้ที่ใช้โทรศัพท์เป็นประจำอาจมีอาการหูตึง เนื่องจากเสียงโทรศัพท์ไม่ชัดเจน มีเสียงรบกวนอยู่ตลอดเวลา
ถ้าไม่ได้ใช้โทรศัพท์ในตำแหน่งที่รับส่งคลื่นได้สะดวกบุคลิกภาพของผู้ใช้โทรศัพท์ต้องเสียไปเนื่องจากต้องพะวักพะวงกับการหาตำแหน่งที่รับฟังได้ชัดเจนและยังต้องตะโกนพูดอยู่คนเดียว

บทสรุป

โทรศัพท์เป็นเครื่องมือสื่อสารที่ช่วยร่นระยะเวลาระยะทางในการสื่อสารของคนยุคปัจจุบัน เป็นเทคโนโลยีที่สร้างประโยชน์ได้มากต่อการพัฒนาความก้าวหน้าในด้านต่างๆของโลกซึ่งปัจจุบันโทรศัพท์มือถือมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างมากด้วยความบันเทิงหลากหลายที่เป็นจุดขายดึงดูดวัยรุ่นยุคปัจจุบันที่ดำเนินชีวิตอยู่กับเทคโนโลยีทำให้เครื่องมือสื่อสารชนิดนี้มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตวัยรุ่นมักนำความสามารถทุกอย่างที่โทรศัพท์มือถือทำได้มาประยุกต์ในทางที่เสื่อมมากกว่าทางสร้างสรรค์โทรศัพท์มือถือมีอิทธิพลต่ออารมณ์ให้เป็นคนขาดความอดทน ใจร้อน ขาดความรอบคอบอารมณ์รุนแรง มีอิทธิพลในการใช้เงินของวัยรุ่น เนื่องจากวัยรุ่นมีความต้องการที่จะเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ให้อินเทรนด์อยู่เสมอ มีอิทธิพลต่อการศึกษาและการพัฒนาความรู้นอกจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ทำลายเซลล์สมองให้ด้อยพัฒนาแล้วยังส่งผลต่อสุขภาพและลดสมาธิในการเรียนด้านการแก้ไขพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ของวัยรุ่น คือวัยรุ่นควรตระหนักถึงข้อดีข้อเสียให้มากปรับเปลี่ยนการใช้โทรศัพท์ให้เหมาะสมเพราะกลุ่มวัยรุ่นเป็นกลุ่มประเมินสำคัญที่บ่งบอกถึงความก้าวหน้าของประเทศได้


อ้างอิง http://swu141km.swu.ac.th/index.php/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น